My Account Login

นโดนีเซียเสริมบทบาทพันธมิตรจีนในอาเซียน ผ่านข้อตกลงแลกเปลี่ยนเงินตราครั้งประวัติศาสตร์ — EBC Financial Group

อินโดนีเซียยกระดับเป็นหุ้นส่วนอาเซียนอันดับหนึ่งของจีน ด้วยการค้าทวิภาคี 147.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 ด้วยข้อตกลงเงินหยวน-รูเปียห์ครั้งประวัติศาสตร์

การค้าทวิภาคีอินโดนีเซีย-จีนคาดแตะ 160 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 พร้อมข้อตกลงหยวน-รูเปียห์ ผลักดันลดการใช้ดอลลาร์ สะท้อนอนาคตการเงินใหม่อาเซียน

JAKARTA, INDONESIA, June 4, 2025 /EINPresswire.com/ -- การค้าระหว่างอินโดนีเซียและจีนในปี 2024 มีมูลค่ารวม 147.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 6.1% จากปีก่อนหน้า ส่งผลให้อินโดนีเซียยืนหยัดในฐานะหนึ่งในพันธมิตรการค้าสำคัญที่สุดของจีนในอาเซียนอย่างมั่นคง

ในระหว่างการเยือนอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีจีน หลี่ เฉียง ซึ่งเกิดขึ้นก่อนการประชุมสุดยอดอาเซียน-GCC-จีน (ASEAN-GCC-China Summit) ทั้งสองประเทศได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) ฉบับใหม่จำนวน 4 ฉบับ โดยไฮไลต์สำคัญอยู่ที่การยกระดับความร่วมมือด้านการชำระเงินท้องถิ่น (Local Currency Settlement Agreement – LCS) ระหว่างธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) และธนาคารประชาชนจีน (PBOC)

EBC Financial Group วิเคราะห์ว่าข้อตกลงทางการเงินฉบับนี้จะนิยามความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซียใหม่ และสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในแนวร่วมทางยุทธศาสตร์ของตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets – EM)

วางรากฐานเพื่อความร่วมมือระหว่างสองประเทศ

ข้อตกลงทวิภาคีที่ลงนามเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2025 ได้สร้างรากฐานอันมั่นคงสำหรับการขยายความร่วมมือระหว่างอินโดนีเซียและจีนในหลายภาคเศรษฐกิจ โดยให้การสนับสนุนโดยตรงต่อระบบการชำระเงินท้องถิ่น (LCS) ในด้านการค้าและการท่องเที่ยว คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมายังอินโดนีเซียจะสูงถึง 2 ล้านคนในปี 2025 โดยได้รับแรงหนุนจากนโยบายวีซ่าที่ผ่อนคลายและการพัฒนาระบบชำระเงิน การขยายตัวของการท่องเที่ยวนี้สอดคล้องกับมาตรการเสริมความเข้มแข็งของห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะการลงนามในข้อตกลงการลงทุนมูลค่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อพัฒนาเขตอุตสาหกรรมสองแห่งที่เชื่อมต่อระหว่างมณฑลฝูเจี้ยนกับเขตเศรษฐกิจพิเศษบาตัง (Batang SEZ) คาดว่าจะสร้างงานได้กว่า 100,000 ตำแหน่ง

ช่องทางใหม่สำหรับ LCS: เสริมสร้างอธิปไตยทางการเงิน

ข้อตกลงครั้งล่าสุดระหว่างธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) และธนาคารประชาชนจีน (PBOC) ขยายขอบเขตการชำระเงินท้องถิ่น (LCS) รูเปียห์-หยวน ให้ครอบคลุมการทำธุรกรรมในบัญชีทุน โดยสร้างข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์สามประการ ประการแรก คือ การสร้างเกราะป้องกันทางการค้าที่ยั่งยืน การค้าระหว่างสองประเทศในปี 2024 มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 6.1% แตะ 147.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และคาดว่าจะทะลุ 160 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2025 ซึ่งทำให้อินโดนีเซียกลายเป็นหนึ่งในพันธมิตรการค้าหลักของจีนในอาเซียน ร่วมกับเวียดนามและมาเลเซีย ระบบ LCS นี้ช่วยให้ผู้ส่งออกอินโดนีเซียลดต้นทุนจากการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในการส่งออกสินค้าหลัก เช่น น้ำมันปาล์มและนิกเกิล ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ประการที่สอง คือ BI สามารถใช้เงินหยวนที่ถือครองอยู่ (5.3% ของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศทั้งหมด) เพื่อบริหารอัตราดอกเบี้ยได้ยืดหยุ่นมากขึ้น ช่วยให้สามารถใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายโดยไม่กระทบต่อเสถียรภาพของค่าเงินรูเปียห์

ประการสุดท้าย ข้อตกลงนี้ถือเป็นช่องทางสำคัญที่ทำให้อินโดนีเซียเข้าถึงโครงการ BRICS+ ได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยเปิดประตูให้ประเทศเข้าถึงเงินทุนจากธนาคารเพื่อการพัฒนาใหม่ (NDB) ซึ่งจะช่วยเร่งแผนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ของประธานาธิบดีปราโบโว และลดการพึ่งพาหนี้ที่ผูกกับดอลลาร์สหรัฐฯ

“นี่ไม่ใช่แค่เรื่องการลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม แต่เป็นการปรับโครงสร้างระบบการเงินของอินโดนีเซียทั้งระบบ” เดวิด แบร์เร็ตต์ (David Barrett) ซีอีโอของ EBC Financial Group (UK) Ltd. กล่าว “ด้วยการเปิดช่องทางการค้าการลงทุนบนฐานเงินหยวน ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) กำลังสร้างกลไกป้องกันความเสี่ยงจากนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

แผนยุทธศาสตร์ใหม่ของอาเซียน: ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลก

ข้อตกลงทางการเงินล่าสุดของอินโดนีเซียสะท้อนถึงทิศทางใหม่ของภูมิภาค ในช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน 2025 การค้าระหว่างจีนและอาเซียนมีมูลค่ารวม 23.8 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 330,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) เพิ่มขึ้น 9.2% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ความตกลงเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน (CAFTA) 3.0 ที่มีการปรับปรุงใหม่ ชี้ให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะยกระดับการบูรณาการเศรษฐกิจในสาขาเศรษฐกิจดิจิทัลและอุตสาหกรรมสีเขียว การเคลื่อนไหวเหล่านี้กำลังเปิดทางเลือกการค้าสำรองให้กับประเทศในอาเซียนท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก

การประชุมสุดยอดอาเซียน-สภาความร่วมมืออ่าว (GCC)-จีน ที่จัดขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ยังเน้นย้ำถึงเจตนารมณ์ของประเทศในภูมิภาคที่จะกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ในความร่วมมือด้านการเงิน แม้การประชุมครั้งนี้จะไม่ได้ประกาศอย่างชัดเจนถึงยุทธศาสตร์ “หลังดอลลาร์” แต่ก็สะท้อนถึงความพยายามของภูมิภาคในการสร้างหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ยืดหยุ่นและหลากหลายมากขึ้น

“อินโดนีเซียกำลังเขียนพิมพ์เขียวใหม่ในการกระจายความเสี่ยงของเงินตรา” เดวิด แบร์เร็ตต์ (David Barrett) ซีอีโอของ EBC Financial Group (UK) Ltd. กล่าว “ข้อตกลงการชำระเงินด้วยสกุลเงินท้องถิ่น (LCS) ล่าสุดนี้ แสดงให้เห็นว่าประเทศเศรษฐกิจขนาดกลางสามารถลดการพึ่งพาสกุลเงินหลักของโลกได้ โดยยังคงรักษาความเชื่อมโยงระดับภูมิภาคและมาตรฐานสากลได้อย่างสมดุล”

ข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.ebc.com/id/

Michelle Siow
EBC Financial Group
+60 16-337 6040
michelle.siow@ebc.com
Visit us on social media:
LinkedIn

Facebook

Twitter

View full experience

Distribution channels: Banking, Finance & Investment Industry, Business & Economy, Culture, Society & Lifestyle, Politics, World & Regional